วันพฤหัสบดีที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2555

Nexus 4 กับร่างใหม่จาก LG

     ตลาดแอนดรยอด์แทบจะถูกแป๊ะลงเกือบทุกแบรนด์ตั้งแต่อินเตอร์แบรนด์ ไปถึงโลโคลแบรนด์ และแน่นอนว่าแต่ละแบรนด์มักจะใส่ลูกเล่น และหน้าตาเมนูในแบบของตนเพื่อสร้างความต่าง ความสวยงามแต่ยังอยู่บนความสามารถของแอนดรอยด์ 

     หนึ่งตระกูลที่ถูกส่งตรงจาก Google และเป็นสายที่ปลอดการแต่งเติม คงความออริจินัลไว้นั้นก็คือ "Nexus" รุ่นที่ถูกออกแบบ และผลิตภายใต้ Google กำชับมาทุกขั้นตอน Nexus ถูกส่งออกมาถึง 3รุ่นในตลาดสมาร์ทโฟน(Nexus One, Nexus S, Galaxy Nexus) และ 1รุ่นในตลาดแท็ปเล็ต(Nexus 7) ซึ่งในแต่ละรุ่น Google ก็จะมอบหมายให้แบรนด์ในพันธมิตรเป็นผู้ผลิตเครื่อง เริ่มจาก HTC, Samsung ,Asus และล่าสุดก็ถึงคิวของ LG ที่มากับรุ่นใหม่นามว่า  "Nexus 4"
     
     
     LG Nexus 4 มาพร้อมระบบปฎิบัติการณ์ล่าสุด 4.2(Jelly Bean)  มาพร้อมหน้าจอขนาดใหญ่ 4.7"
(Gorilla Glass2) CPU Snapdragon S4 Quad-coreน้ำหนักเพียง 133 กรัม กล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล และกล้องหน้า 1.3 ล้านพิกเซล รองรับการเชื่อม 3G ทุกเครือข่าย รองรับการใช้งานด้วย microUSB, HDMI, Headphone Jack, WiFi, NFC(Android Beam) หน่วความจำภายใน 8, 16 GB RAM 2 GB แบตเตอรี่ 2,100 mAh 

 

     ถึงแม้ Nexus จะถูกเปลี่ยนผู้ผลิตไปในแต่ละรุ่น แต่ความน่าสนใจของ Nexusยังคงอยู่ นั้นคือความเป็น Pure Google หรือความเป็นดั้งเดิม ไม่มีการปรับแต่งใดๆทั้งสิ้น และเมื่อการอัพเดตซอฟแวร์็จะเป็นตระูกูลแรกที่ได้อัพเดตก่อนใครเพื่อน ทำให้การใช้งานน่าสนใจ และหายห่วงกับเรื่องเครื่องหน่วงจาก UI ของแบรนด์นั้นๆที่ยัดใส่เข้ามา


     ในบ้านเราคาดว่าจะวางจำหน่ายในช่วงเดือนม.ค. 2013 กับราคาที่ยังไม่เปิดเผย ซึ่งผิดกับต่างประเทศ ที่มีการสนับสนุนโดยตรงจาก Google หากใครที่ซื้อผ่าน Store ก็จะเป็นราคาพิเศษที่ Google มอบให้กับราคาแค่ หมื่นต้นๆเท่านั้น แต่สำหรับประเทศที่ไม่มี Store อย่างบ้านเราคงต้องรอ LG Thailand เคาะราคากันอีกรอบ ไม่ว่ายังไงสำหรับ Nexus ก็ดูจะเป็นตระกูลที่น่าจับตามองในทุกรุ่น เพราะแต่ละรุ่นที่ออกมาแต่ละครัง ก็จะมาพร้อมแอนดรอยด์เวอร์ชั่นล่าสุด และสเปคที่สูงณ.ช่วงนั้นๆ ได้แต่หวังว่าเจ้า LG Nexus 4 จะมีของมาจำหน่ายที่พอรองรับความต้องการของตลาดในเมืองไทยอย่างเต็มที่ เพราะเมืองนอกเอง Nexus 4 ก็ยังไม่พอขายเลย และหวังว่า LG Thailand คงไม่ตั้งราคาที่โหดร้ายเกินไป


วันอาทิตย์ที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

Acer CloudMobile S500 การมาครั้งใหม่ของก้อนเมฆจาก Acer




     ดูเหมือนความพยายามดันตระกูล Iconia และ Liquid จะไม่เป็นพ้นตามที่คาดไว้นัก แถมเรื่องหนาหูกับการบริการหลังการขายของ Acer ยิ่งทำให้ฉุดยอดขายลงไปอีก แต่ Acer ในฐานะแบรนด์ชั้นนำไอทีอย่างคอมพิวเิตอร์  โน๊ตบุ๊ค มีหรอที่จะยอมหยุดนิ่ง



     หลายแบรนด์ยังคงแข่งขันในสังเวียนของระบบแอนดรอยด์กันหนักหน่วง ไล่ตั้งแต่เครื่องไม่กี่พันบาท เรื่อยไปจนสองหมื่นกว่าๆ หลากสเปค หลายสไตล์ หากแต่ Acer ก็ยังไม่คิดถึงระบบปฎิบัติการณ์แอนดรอยด์และขอกลับอีกครั้งกับซี่รี่ย์ใหม่ ในนาม "CloudMobile"
     CloudMobile ถือเป็นตัวช่วยหนึ่งที่ทำให้การทำงานของคุณนั้นสะดวกสบายขึ้น ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนไฟล์งานต่างๆ ก็ส่งหากันได้แค่เพียงพริบตา โดยประเดิมรุ่นแรกที่ Acer ส่งออกมาก็คือ Acer CloudMobile S500 ที่เรียกเสียงฮือฮาได้ไม่น้อยด้วยสเปคความแรงอย่าง SnapDragon S4 และที่สำคัญมันเปิดราคามาไม่ถึงหมื่นสี่!!!


     Acer CloudMobile S500 มากับ ระบบปฏิบัติการ Android 4.0.4 (ICS)  CPU Dual-Core Snapdragon S4 1.5 GHz  หน้าจอ IPS 4.3 นิ้ว ความละเอียด 1280 x 720 พิกเซล (342 pp)i  มีระบบเสียงแบบ Dolby Mobile  กล้องดิจิตอลความละเอียด 8 ล้านพิกเซล ถ่ายภาพต่อเนื่อง 10 ภาพใน 1 วินาที รองรับNFC สามารถใช้งาน Android Beam ได้ เพิ่มหน่วยความจำ  ภายนอกแบบ microSD  และที่นำเสนอในตระกูล CloudMobile ก็เห็นจะเป็นการบริการเก็บข้อมูลบนกลุ่มเมฆ Acer Cloud ให้พื้นที่ในการเก็บข้อมูลไม่
จำกัดอีกด้วย
     เรียกได้ว่า CloudMobile จาก Acer ยุคใหม่เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี เหลือแต่การโปรโมต และการทำการตลาดดีๆเท่านั้น เพราะราคาที่เปิดมานั้นก็ทำให้ Acer นอนกินได้สบายๆแล้ว







   

วันจันทร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2555

Be Creative with Galaxy Note 2

     หลังจากประสบความสำเร็จอย่างมหาศาลกับสมาร์ทโฟนกึ่งแท็ปเล็ตอย่ง Samsung Galaxy Note ที่กว่ายอดขายทั่วโลกมากกว่า 20 ล้านเครื่อง ด้วยคุณสมบัติจัดเต็มและมีดีที่หน้าจอใหญ่ที่สมารถทำได้มากกว่ามือถือทั่วไปจะให้ได้


     และแล้วก็มาถึงรุ่นลำดับที่สอง Samsung Galaxy Note 2 ที่มาทั้งก็ดันมาพร้อมสเปคระดับเทพ เรียกว่ามาเบียดตัวชูธงอย่าง Samsung Galaxy S3 แบบมีเคืองด้วยดีไซน์ ฟังก์ชั่นที่ขอยืม S3 และอัดเพิ่มลูกเล่นอลังการงานสร้างมากมายทีเดียว สเปคสุดเด็ดของเจ้า Galaxy Note 2 อย่าง...




- ขนาด 151.1 x 80.5 x 9.4 มิลลิเมตร , น้ำหนัก 182.5 กรัม
- รองรับ 3G Quadband (850/900/1900/2100 MHz ) 
- หน้าจอ Super-AMOLED HD 5.5 นิ้ว (ความละเอียด 1280x720 พิคเซล - 267 ppi), จัดเรียงพิคเซลแบบ RGB Matrix, พาเนลกระจก Gorilla Glass 2
- เมมโมรี่ภายใน 16GB + เพิ่มเมมโมรี่การ์ดสูงสุด 64GB 
- ซีพียู Samsung Exynos 4412 (1.6GHz), แรม 2GB (เหลือใช้จริง 1.8GB)
- เชื่อมต่อ WiFi 802.11 b/g/n (Dual-Band), DLNA + WiFi Hotspot, WiFi Direct
- รองรับ Bluetooth 4.0 , NFC (ใช้งานผ่าน Android Beam, S Beam)
- แอพฯ S Note Premium, S Planner, S Voice, Paper Artist ฯลฯ
- กล้องความละเอียด 8 ล้านพิคเซล (BIS Sensor)+AF, TF แฟลช LED, Zero Shutter Lag, Best Face ฯลฯ
- บันทึกวิดิโอ HD1080p พร้อม Continuous Focus, แฟลช LED ช่วยถ่าย
- แบตเตอรี่ Li-Polymer 3,100 mAh (ถอดเปลี่ยนได้)

และยังมีสุดยอดลูกเล่นแบบที่เจ้าอื่นๆยังต้องค้อนใส่ด้วยความอลังการอย่าง...
- Airview (พรีวิว Email, S Planner, Video, Picture โดยใช้ S Pen จ่อเบาๆ)
- Pop Up Note (จดบันทึกได้ทุกที่ แม้ว่าคุณจะโทรอยู่ก็ตาม)
- Quick Command (สั่งงาน / ค้นหาข้อมูลผ่าน S Pen ด้วยการลาก Gesture ตามรูปแบบที่ตั้งไว้)
- Easy Clip (ใช้ S Pen คัดลอก, ตัดภาพจากเว็บไซต์อย่างง่ายดาย)
- Photo Note (บอกเล่าเรื่องราวบนรูปภาพด้วย S Pen)
- S Cloud (= Dropbox 50GB)
- Idea Sketch (เลือกรูปแบบภาพวาดสำเร็จรูปบน S Note)
- Pen Switch (สลับรูปแบบปากกา - สีสัน โดยกดปุ่มบน S Pen สูงสุด 10 แบบ)
- Color Picker (ดูดสีจากภาพต่างๆ มาใช้งานบน S Note ได้เลย)
- S Pen Keeper (ระบบเตือนเมื่อ S Pen ถูกถอดจากตัวเครื่อง)
- One-Hand Operation (ปรับ UI ให้เหมาะกับใช้งานมือเดียว)
- Blocking Mode (ตั้งไม่ให้เครื่องรับสาย แจ้งเตือน ปลุก ปิด LED ตามเวลาที่กำหนด)
- Quick Glance (ดู Miss Call, แจ้งเตือนต่างๆ ได้โดยเอาฝ่ามือบังเซ็นเซอร์ไว้ ไม่ต้องเปิดหน้าจอ

แค่นี้ก็ทำเอาอึ้ง ทึ้ง เสียว...กันเลย คงต้องรอสุดยอดสมาร์ทแอนดรอยด์ตัวนี้ลงตลาดเร็วๆ เพื่อจะได้ลองความอลังการจาก Samsung และเตรียมรับประสบกาารณ์ครั้งใหม่กับเจ้า Samsung Galaxy Note 2 กัน...เร็วๆนี้ 


วันศุกร์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

Galaxy Player

     หากพูดถึงเครื่องมัลติมีเดียเคลื่อนที่ ไม่ว่าจะดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกมส์แน่นอนว่า iPod หรือ Walkman คือตัวเลือกที่คนส่วนใหญ่สนใจ แต่ก็ใช่จะมีเพียง 2 แบรนด์เท่านั้น ยังมีอีกหลากหลายแบรนด์ที่หันมาทำเครื่องเล่นมีเดียมากขึ้น  และแน่นอนที่ขาดไม่ได้ก็คือ Samsung ที่หันมาทำเครื่องเล่นพกพาเหมือนกัน
     และเมื่อตลาดสมาร์ทโฟนเข้ามามีบทบาทแน่นอนว่า Samsung ไม่ปล่อยโอกาสของแบรนด์ชั้นนำอันดับต้น หลุดโอกาสไม่ง่ายๆด้วยการพัฒนา เครื่องเล่นพกพาให้มีความสามารถมากขึ้นด้วยการใส่ระบบปฎิบัติการณ์เดียวกับสมาร์ทโฟนเข้าไปด้วย   "Galaxy Plyer" คือรุ่นรหัสสำหรับเครื่องเล่นมัลติมีเดียที่มีดีกรีของสมาร์ทโฟน เปิดตัวกับ Galaxy WiFi 5.0 ต่อด้วย Galaxy WiFi 3.6 และล่าสุดกับ Galaxy 4.2 

 - ขนาด 124.1 x 66.1 x 8.9 ม.ม. , น้ำหนัก 118 กรัม
- รองรับการใช้งาน WiFi , Bluetooth 3.0
- หน้าจอ TFT-LCD  Capacitive 4.2 นิ้ว (ความละเอียด 800x480 พิคเซล), ทัชสกรีน 10 จุด
- Android 2.3.6 , TouchWiz UI 3.0
- เมมโมรี่ภายใน 8GB (ROM 1GB + Internal 2GB + User 5GB) , เพิ่มเมมโมรี่ภายนอก 32GB
- CPU TI OMAP3630 (1GHz) + PowerVR SGX530 GPU , แรม 512MB
- รับส่ง SMS/MMS/Email , Social Hub Premium 
- ลงแอพพลิเคชั่น Google Play Store
- กล้องความละเอียด 2 ล้านพิคเซล, บันทึกวิดิโอความละเอียด 640x480 พิคเซล (30 fps) + กล้องหน้า VGA
, เครื่องเล่นเพลง MP3 รองรับหูฟัง 3.5 มิลลิเมตร
- ใช้งาน GPS , A-GPS ผ่าน Google Maps
- โปรแกรมออฟฟิศในตัว (QuickOffice)
- แบตเตอรี่ Li-ion 1,500 mAh



     
แน่นอนว่าิ Samsung Galaxy WiFi 4.2 ไม่ใช่มือถือถึงแม้รูปร่าง หน้าตาจะคล้ายกันมาก แต่ความสามารถก็ไม่ได้เป็นรองมือถือเลย หากใครที่มีมือถือคู่ใจอยู่แล้ว แต่เ้น้นมัลติมีเดีย เพลย์เยอร์ หน้าจอใหญ่ๆสักเครื่อง Samsung Galaxy WiFi 4.2 เครื่องนี้ก็น่าสนใจไม่น้อย และราคาเปิดตัวคาดว่าไม่ถึง 7,000 บาทด้วยซิ!!! 










วันอาทิตย์ที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ลุยน้ำ ลุยแดดไปกับ Sony Xperia Go

     เปิดตัวไปเมื่อปีที่แล้วสำหหรับมือถือสายพันธุ์อึดอย่าง Sony Xperia Active ที่มาพร้อมความสามารถในการกันน้ำ กันฝุ่นได้เป็นอย่างดี ทำให้หลายแบรนด์เริ่มหันมาทำตลาดด้านนี้เพิ่มขึ้น แต่คู่แข่งของเจ้า Active ก็มีแบรนด์จากฝั่งอเมริกาอย่าง Motorola Defy


     สำหรับปีนี้ Sony ก็ยังสานต่อมือถือกันน้ำมาอีกโดยใช้ชื่อตามคอนเซปท์ทีเดียวอย่าง Sony Xperia Go โดยแน่นอนว่าสาย Xperia นั้นหน้าตาออกมาคล้ายกันอีกเช่นเคย ด้วยสเปคอย่างหน้าจอกันรอยขีดข่วน Bravia Display 3.5" (480x320) ระบบปฎิบัติการณ์ 2.3.7 (อัพเดต 4.0) กล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ออโต้โฟกัส พร้อมไฟแฟรช เชื่อมต่อด้วย microUSB ,WiFi ,3G (รองรับการใช้งานแยกรุ่นทั้ง 850/2100 ,900/2100) ,ฺBluetooth ,DLNA รองรับหูฟังขนาด 3.5 ม.ม. หน่วยความจำภายใน 8GB RAM 512MB


     จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า ส่วนที่เพิ่มเติมหลักๆคือหน้าจอที่มีขนาดใช้งานได้สะดวกขึ้น และหน่วยความจำภายในที่มากขึ้น และมาพร้อมดีไซน์ที่สวยงามขึ้นด้วยแต่ยังคงคอนเซปท์กันน้ำได้ที่ระดับ 1 เมตร ซึ่งในตลาดบ้านเราที่มีมือถือสายพันธุ์นี้อาจไม่มีแข่งกันมากนัก แต่ก็น่าสนใจไม่น้อยกับฟ้าฝนช่วงนี้ อย่างน้อยก็ช่วยเซฟเราได้ช่วงเปียกๆอย่างนี้ สนนราคาเปิดตัวที่ 9,990 บาทถือว่าเป็นออลอินวันที่กันน้ำได้อีกตัวหนึ่งที่น่าสนใจ






วันพฤหัสบดีที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

Sony Xperia U ดีไซน์หรู สเปกเก่้ง ราคาดี


หลังจากที่ Sony ฮวบกิจการ Ericsson มาทั้งหมด และ Sony TH เองเริ่มพลิกการตลาดใหม่ ทำให้ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา Sony กลายเป็นเหมือนแบรนด์ที่ตายแล้วฟื้นคืนชีพอีกครั้ง 

Xperia คือตระกูลเรียกฐานสาวก Sony ให้กลับมาเลิฟ กับแบรนด์ตัวเองอีกครั้ง บวกกับดีไซน์สุดเท่ เรียบหรู เพิ่มสีสันตามรุ่น ตามทาร์เก็ต ยิ่งเป็นการเรียกแฟนคลับให้กลับมาซบ Sony อีกครั้งได้ไม่ยาก
Sony เปิดตัวรุ่นชูธง Sony Xperis S ไปเมื่อปีที่แล้ว เรียกว่าก่อนวางจำหน่าย กระแสของตัวนี้เป็น Talk of the town ไปเลยในโลกไอที ด้วยสเปคสูงสุดของ Sony มากับดีไซน์โฉมใหม่ให้ซีรี่ย์ Xperia ยิ่งบวกความน่าสนใจเป็นทวีคูณ แต่ก็ใช้ว่าใครใคร่ดีไซน์แบบนี้จะต้องจ่ายถึงตัวชูธง เพราะ Sony ทำรุ่นต่อๆมาด้วยแรงบันดาลจาก Xperia S มาอีกหลายรุ่น









Sony Xperia U คือหนึ่งในรุ่นที่ได้รับแรงบันดาลดีไซน์จากรุ่นพี่ แต่ขอเพิ่มสีสันให้วัยฮิพได้แจมเจ้า Xperia บ้าง Sony Xperia U มาพร้อมหน้าจอ LED backlit LCD 3.5" Dual-Core 1 GHz หน่วยความจำภายใน 4 GB  RAM 512 MB เชื่อมต่อข้อมูลผ่าน microUSB ,WiFi ,3G รองรับ DLNA กล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ออโต้โฟกัส พร้อมไฟแฟรช กล้องหน้าขนาด VGA ให้เสียงเต็มอรรถรสด้วย sony 3D surround sound รองรับ HTML5 เพิ่มสีสันให้ตัวเครื่องด้วยการเปลี่ยนกรอบด้านล่างด้วยสีสัน (แถมมาในกล่อง) ทั้งหมดนี้มาในราคาไม่ถึงหมื่น!

เดี๋ยวนี้ใครที่ต้อง Dual-Core คงไม่ต้องควักเงินขนาดหมื่นปลายๆกันแล้ว เพราะราคาไม่ถึงหมื่นก็จัด Dual-Core กันได้ และด้วยดีไซน์เท่ๆ แนว Sony คิดว่าเจ้า Xperia U น่าจะเป็นหนึ่งตัวเลือกให้หลายๆคนได้เป็นอย่างดี



วันจันทร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

Huawei Honor

     เริ่มมีเข้ามาเรื่อยๆสำหรับแบรนด์จากแดนมังกร ที่ก่อนหน้านี้มีทั้ง OPPO ,LTE ,LENOVO ที่เข้าทำตลาดอย่างต่อเนื่อง (ไม่นับแบรนด์พี่ใหญ่อย่าง HTC) และอีกหนึ่งแบรนด์ที่ได้เห็นหน้าค่าตากันบ้างแล้ว อย่าง Huawei น้องใหม่้ที่ขอเกิดในไทยแลนด์บ้าง

     Huawei ส่งตัวเลือกมาให้ชาวไทยได้ยลโฉมกันบ้างแล้ว 4-5 รุ่น แต่รุ่นที่ราคากลางๆ สเปคแรงๆก็คงต้องพูดถึง Huawei Honor (U8860) ที่พกราคาค่าตัวมาไม่ถึงหมื่น แต่สเปคเป็นไงบ้างไปดูกัน...

          Huawei Honor มาพร้อมแอนดรอยด์ 4.0.3 (Ice-cream Sandwich) CPU 1.4 GHz มาพร้อมหน้าจอ 4" (480x854 pixel) RAM 512MB หน่วยความจำภายใน 3GB เพิ่มเติมภายนอก 32GB กล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล กล้องหน้าความละเอียด VGA  รองรับการเชื่อมต่อส่งถ่ายข้อมูลผ่าน microUSB ,WiFi ,Bluetooth ,3G เรียกว่าสเปค สูสีได้กับแบรนด์อื่นๆในระดับหมื่นต้นๆ ถึงหมื่นกลาง แต่สำหรับเจ้า Huawei Honor นั้นไม่ถึงหมื่น! 

          การที่มีแบรนด์ใหม่ๆเข้ามาทำตลาดนั้นถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ยิ่งทำให้เกิดการแข่งขันผลดีก็ตกที่ผู้ซื้อ ได้สเปคที่สูงในราคาที่ต่ำ แต่ทั้งที่นี้ทั้งนั้น ผู้ซื้ออย่างเราๆก็ควรต้องตรวจสอบหลายๆปัจจัย ไม่ว่าจะเรื่องบริการหลังการขาย ศูนย์รับซ่อม การอัพเดตซอฟแวร์ล้วนเป็นสิ่งที่ผู้ซื้อควรพิจรณาด้วย ถ้าแบรนด์นั้นมีการบริการต่างๆที่ดี ก็จะทำให้แบรนด์นั้นเกิด และติดตลาดได้อย่างรวดเร็ว 




     เป็นอีกแบรนด์ที่น่าจับตามองเช่นกันสำหรับสเปคแรง ราคาต่ำอย่าง Huawei Honor อย่างน้อยๆ Huawei ก็มีสินค้าอื่นๆที่ขายในบ้านเรามาแล้ว อาจจะช่วยการันตีในคุณภาพได้ในระดับนึง หนึ่งในเครื่องแรง ราคาถูกอย่าลืมเจ้า Huawei Honor เป็นตัวเลือกอีกหนึ่งตัวเลือกด้วยนะ ^^"



วันพฤหัสบดีที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

Not Mini to Defy Mini

     ฝนโปรยปรายมาทุกวี่วัน เนื้อตัวก๋เปียกปอนรับสายฝนที่เทกระหน่ำ ตัวเปียกไม่เท่าไรแต่สิ่งของนี้ซิื โดยเฉพาะมือถือคู่ใจ ที่โดนความชื้นเข้าหน่อยก็เซนซิทีฟขึ้นแถบแดง อะไรกันเนี่ย..!

     แนวคิดอึดทึก สำหรับมือถือดูจะมีมานาน            
หลายแบรนด์ หลายรุ่นแต่ที่ยังคงออกมาอยู่
เรื่อยๆ สำหรับมือถือที่เป็นสมาร์ทโฟน แต่ก็
สามารถทนน้ำกันฝุ่น คงต้องมีชื่อของ Motorola
แบรนด์นี้ยังคงเหนียวแน่นสำหรับคอนเซปท์
อึดทึก กับ Defy Series เปิดตัวด้วย Defy ตัวแรก
ที่เรียกว่าเป็นการกอบกู้ชื่อของ Motorola ในไทย
ให้สาวกได้ยิ้มชื่นตาบานกันอีกครั้ง ต่อด้วย Defy+
ที่ยังคงเดิม แต่ขอเติมสเปคขึ้นนิดๆหน่อยๆ

     ล่าสุดของส่งน้อยเล็กจากตระกูล Defy ด้วย Motorola Defy Mini น้องเล็กที่ขอทำตลาดราคากลางๆ น่ารักๆด้วยสเปคครบสูตรของมือถือแนวสมาร์ท

                                           
     Motorola Defy Mini มาพร้อมหน้าจอ TFT 3.2" (320 x 240) แอนดรอยด์ 2.3.6 (GingerBread) CPU 600 MHz  ROM 512MB  RAM 512MB เชื่อมต่อด้วย microUSB ,WiFi ,Bluetooth ,3G กล้องความละเอียด 3 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟรช กล้องหน้าขนาด VGA เพิ่มหน่วยความจำได้ถึง 32GB และที่ขาดไม่ได้เลยคือ กันฝุ่น และกันน้ำ (การันตีด้วย IP-67) 
     ถือว่าเป็นสมาร์ทโฟนสายพันธุ์แกร่งรุ่นเล็กอีกรุ่นที่น่าสนใจไม่น้อยเลย ด้วยสเปคที่ให้มาแบบออลอินวัน กับราคาที่ไม่สูงไปนัก ใครที่กำลังหามือถือทนแดด ทนฝน ทนฝุ่น เหมาะกับฤดูนี้ก็หากันได้ตามชอปทั่วไป





วันอังคารที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

Touch to ALCATEL one touch

          Alcatel สำหรับวัยนี้คงไม่คุ้นหู หากย้อนกลับ                         
ไปช่วง 5-6 ปีก่อน Alcatel เข้ามาทำตลาดในบ้านเรา
หลากหลายรุ่นอยู่ไม่น้อย และดีไซน์ที่ดูแปลกตาเมื่อ                      
เทียบกับหลายๆแบรนด์ที่วางขาย

          ผ่านเวลามานานดู Alcatel จะไม่มีปากมีเสียงใน
บ้านเราเท่าไรนัก ทั้งๆที่ก็ยังพอมีวางจำหน่ายอยู่บ้าง
และยังมีรุ่นใหม่ๆออกมาอยู่เรื่อยๆก็ตามที่ ด้วยความที่
มือถือส่วนใหญ่ของ Alcatel จะเป็นฟีเจอร์โฟน โทรเข้า
ออก ส่งข้อความ ฟังเพลง ถ่ายรูปซะเป็นส่วนใหญ่ 

          Alcatel เมืองไทยยังคงเข็นมาขายอย่างเรียบๆมาเคียงๆ ล่าสุดขอสมาร์ทตามกระแสของโลก ด้วยการจับ
มือถือของตน ส่วมวิญญาณสมาร์ทโฟน อย่างแอนดรอยด์ โดยที่เรียกว่าเป็นการปรับดีไซน์เกือบหมดแผง
จากที่เคยชินกับสไตล์บาร์ไทป์ หรือฝาพับ ก็กลายเป็นจอสัมผัส เน้นความโซเชียล เวิร์ด ...

         Alcatel One Touch 995 คือที่สุดของ Alcatel ในตอนนี้มาพร้อมระบบปฎิบัติการณ์แอนดรอยด์ 2.3.6 (GingerBread) หน้าจอ TFT 16ล้านสี ขนาด 4.3" (480x800) CPU single-Core 1.4GHz  RAM 512MB 
หน่วยความจำภายใน 2 GB เพิ่มเติมได้ถึง 32 GB กล้องความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟรช กล้องหน้า 3 แสนพิกเซล เชื่อมต่อมาตรฐานแอนดรอยด์ครบครัน การมาครั้งนี้ในฐานะสมาร์ทโฟนจาก Alcatel มาดูกันว่าจะไปได้ขนาดไหน 

วันศุกร์ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

41 ล้านพิกเซล with NOKIA

     เพิ่งจะกลายถึงอดีตอันดับหนึ่งของมือถืออย่าง Nokia ไปไม่ทันไร Nokia ขอเปิดตัวกับนวัตกรรมตัวใหม่กับกล้อง เอ้ย มือถือตัวใหม่ที่ใ่ส่เทคโนโลยีความชัดเวอร์ลงไปใน Nokia PureView 808 กับกล้องความละเอียดถึง 41ล้านพิกเซล อ่านชัดๆ ดีๆ 41ล้านพิกเซล

     Nokia PureView 808 มาพร้อมระบบปฎิบัติการณ์  
Nokia Belle หน้าจอ Amoled 4" (360 x 640 pixel)
CPU 1.3GHz ARM11 รองรับการเชื่อมต่อผ่าน
3G(ทุกเครือข่าย), WiFi, DLNA, GPS, microUSB
หน่วยความจำภายใน 16GB เพิ่มเติมภายนอกได้
ถึง 32GB กล้องหน้าความละเอียด 3 แสนพิกเซล
กล้องหลังความละเอียด 41 ล้านพิกเซล ออโต้
โฟกัส ฟีนอนซ์แฟรช รองรับ HTML5




     สิ่้งที่น่าสนใจที่สุดของ Nokia PureView 808 คงไม่ใช้เพราะระบบปฎิบัติการณ์แน่ๆ เพราะระบบปฎิบัติการณ์ของ Nokia นั้นหากว่ากันตามจริงมันถูกพัฒนาต่อเนื่องมาจาก Symbian ซึ่งความแตกต่างนั้นมันก็มีอยู่ แต่ความตื่นเต้นมันคงไม่ใช่หากถ้าเปรียบเทียบทางฝั่ง iOS หรือ Android  แต่จุดที่น่าสนใจของเจ้าตัวนี้ก็คือ "กล้อง" ...กล้องที่มีความละเอียดถึง 41 ล้านพิกเซลเลยทีเดียว เรียกว่าถ่ายทีคงเห็นไปถึงเซลล์บนผิวหนังกันเลย แต่ด้วยงบประมาณที่คาดว่าจะเปิดตัวที่หมื่นปลายๆคงต้องมาดูกันถึงความจำเป็นว่า ความละเอียดสูงของตัวกล้อง กับราคาค่าตัว (ที่น่าสนใจเรื่องเดียว) จะสมเหตุ สมผลมากขนาดไหน ถ้ามีตังค์ที่จะหรรษากับความละเอียดของกล้องอันนี้คงไม่ว่ากัน แต่ถ้าดูไปถึงสเปคด้านอื่นของเเครื่องที่เราต้องใช้งานทุกวัน มันจะคุ้มค่า และจำเป็นรึปล่าว นั้นคือสิ่งที่ Nokia ยังต้องพัฒนาให้เทียบเท่า iOS หรือ Android ให้ได้ก่อนที่จะสู้รบปรบมือกันอย่างสูสี


NOKIA PUREVIEW 808


วันพุธที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

R U Ready...To Nokia again?

     แบรนด์ที่เคยขึ้นจุดสูงสุดของวงการมือถือ คงไม่มีใครไม่รู้จัก Nokia หากแต่ย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีที่แล้ว Nokia ถือว่าเป็นแบรนด์ที่แข็งแกร่งที่สุดแบรนด์เลยทีเดียว ใครที่จะเลือกซื้อมือถือสักเครื่อง เชื่อว่าส่วนใหญ่ Nokia คือแบรนด์แรกที่คนจะพูดถึง

     แต่เมื่อเวลาผ่านไป เทรนด์การใช้ของคนก็เปลี่ยนตาม Black Berry ,iPhoe ,Android กลับขึ้นมาผงาดแทนในเวลาชั่วพริบตา ทำให้แบรนด์ที่เคยได้ชื่อว่าเป็นเจ้าตลาด ก็ได้รับความนิยมน้อยลงเรื่อยๆ ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา Nokia พยายามอย่างยิ่งที่จะขอกลับมาทวงบังลังค์คืน แต่ดูทีท่าของเทรนด์ปัจจุบัน ต้องบอกว่ายากจริงๆกับการพยายามของ Nokia ยิ่งไปกว่านั้น Nokia ได้ผูกตัวเองกับระบบปฎิบัติการณ์อย่าง Symbien ที่เคยทำมาตลอดแต่ก็พันาเพื่อให้เข้ากับยุค กับสมัย และยังร่วมพัฒนากับ Microsoft ที่จะทำวินโดว โฟนมาขอแชร์ส่วนแบ่งสมาร์ทโฟน


      คำถามสำหรับ Nokia ตอนนี้คือ ยังคาดหวังจะกลับมาในฐานะเบอร์หนึ่งได้อยู่ไหม และทำไม Nokia จึงไม่หันไปทำระบบปฎิบัติการณ์อย่าง แอนดรอยด์ ซึ่งเป็นระบบปฎิบัติการณ์ไม่แพ้ iOS และยังได้รับความนิยมมากกว่าระบบปฎิบัติที่ Nokia ทำอยู่ทุกวันนี้ ต้องบอกว่าดีไซน์ของ Nokia ในยุค 2012 ถูกปรับให้เข้ากับเทรนด์ได้อย่างสวยงาม หากยิ่งได้ระบบปฎิบัติการณ์ที่ได้รับความนิยมเข้าไป มันไม่ยากเลยที่ Nokia จะกลับมาอีกครั้ง








Find To Gemini


     นาทีนี้หากยังมีคนไม่รู้จักแบรนด์ OPPO คงต้องบอกว่าเชยมาก นอกจากจะเป็นเจ้าตลาดด้านเครื่องเสียงของบ้านเกิดตัวเองอย่างจีนแล้ว ยังข้ามมาทำตลาดมือถือ และมาขายในบ้านเราอีก


     OPPO ส่งมือถือมาวางขายแล้วหลายรุ่น ล่าสุดก็พามือถือในฐานะสามาร์ทโฟสุดเท่อย่าง Find 3 และน้องเล็ก 2 ซิมคุณภาพคับเครื่องมาลงตลาด สร้างความฮือฮาให้หลายค่ายได้หนาวๆ ร้อนๆก็เป็นแถว เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมากับงาน Thailand International Mobile Show 2012 ก็ยังเปิดตัวสองรุ่นล่าสุด โดยขอเรียกน้ำย่อยสำหรับผู้ที่สนใจด้วยการสั่งจองเครื่องอย่าง OPPO Finder สมาร์ทโฟนแอนดรอยด์ที่ชูจุดขายว่าบางที่สุดในโลก ด้วยขนาดเพียง 6.65 มม. และ OPPO Find Gemini แอนดรอย์ 2 ซิมที่ขอเพิ่มสเปคจากตัว Find My Guitar ให้ดูเหมาะกับวัยโตมากยิ่งขึ้น

     Find Gemini มาพร้อมแอนดรอยด์ 2.3(อัพเกรด 4.0)  หน้าจอ IPS 4" (800x480 pixel) CPU Single-Core 1 GHz กล้องหลังความละเอียด 5 ล้านพิกเซล และกล้องหน้า 2 ล้านพิกเซล เชื่อมต่อด้วย Bluetooth, 3G(รองรับทุกค่าย), WiFi(WifiHotspot), microUSB แบตเตอรี่ขนาด 1,710 mAh รองรับการใช้งานได้มากขึ้นด้วย 2 ซิม จะใช้งานด้วยเบอร์หนึ่ง และเชื่อมต่อเน็ทจากอีกเบอร์ก็สามารถ 
    
      ถือเป็นอีกรุ่นที่น่าสนใจไม่น้อย และยิ่งราคาเปิดตัวไม่ถึง 9,000 บาทยิ่งทำให้เจ้า OPPO Find Gemini เครื่องนี้เป็นที่ดึงดูดได้ไม่ยากเลย คาดว่าน่าจะขายเต็มสตรีมเร็วๆนี้ หากใครสนใจมือถือ 2 ซิมสมาร์ทโฟน เตรียมตัวเสียตังค์ได้เลย
OPPO FIND GEMINI



วันพุธที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2555

Nexus 7

     Google เซิร์จเอนจิ้นระดับโลกที่นับวันจะยิ่งโชว์ศักยภาพให้ยิ่งใหญ่ขึ้นทุกวัน การหันมาจับระบบปฎิบัติการณ์ของสมาร์ทโฟนทำให้ Google ยิ่งมีตัวเลขรายได้เข้ามาอย่างมหาศาล พร้อมยังพัฒนาระบบให้สมาร์ทโฟนอย่าง แอนดรอยด์แข็งแรงขึ้นทุกวัน

     ล่าสุดกับการเปิดตัวของ แอนดรอย์ 4.1(Jelly Bean)  ก็ทำให้ได้รับกระแสจากฝั่งไอทีไม่น้อย โดยข้อมูลคราวๆ ของเจ้าเวอร์ชั่น Jelly Bean มีอะไรพัฒนาเพิ่มขึ้น ไปดูกัน...


Notification Bar: Widget ที่ฝังอยู่บนระบบแจ้งเตือน 
UI ของ Notification Bar ตัวใหม่นั้นเปรียบได้กับการเอา Widget ไปอยู่บน Notification Bar
Voice Search: การค้นหาด้วยเสียงรูปแบบใหม่ที่จะมาเป็นคู่แข่ง S-Voice ของ Samsung และ Siri ของ Apple
Google Nowเป็นการเอาข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับเราทั้งหมดมาช่วยให้เราใช้ชีวิตสะดวกขึ้น ยกตัวอย่างเช่นเราจะนั่งรถเมล์จากที่นึงไปอีกที่นึง Google จะบอกว่าเราจะต้องนั่งสายไหน และจะบอกว่าจะใช้เวลาเท่าไร โดยคำนวณระยะเวลาจากเส้นทางจราจร และจะแจ้งเตือนอัตโนมัติเมื่อต้องเปลี่ยนสายหรือถึงปลายทาง (US Only) 
เกี่ยวกับคีบอร์ด: คีบอร์ด ภาษาไทย, ระบบเดาคำศัพท์, พิมพ์โดยใช้เสียงพูดแบบ Offline สิ่งที่ทุกคนรอคอยคีบอร์ดภาษาไทยจะมีอยู่ใน Stock Rom Jelly Bean แล้ว นอกจากนี้ Google ยังเปิดตัว Voice Typing แบบ Offline โดยในขั้นแรกจะมีแค่ภาษาอังกฤษ แต่ภาษาอื่นๆจะตามมาในไม่ช้า นอกจากนี้ ยังมีระบบเดาคำศัพท์เพิ่มเข้ามาอีกด้วย





     
และอีกสิ่งหนึ่งที่จะมาพร้อม Jelly Bean ก็คือแท็ปแล็ตตัวล่าสุด Nexus 7 ที่ถูกผลิตโดย ASUS  โดยสเปคคราวๆดังนี้ 







   -จอขนาด 7" ความละเอียด 1280 x 800 พิกเซล Gorilla Glass
   -CPU Quad-Core Tegra3  RAM 1 GB
   -Android 4.1 (Jelly Bean)
   -กล้องหน้า 1.2 ล้านพิกเซล
   -แบเตอรี่ 4,325 mAh                                              
   -เชื่อมต่อด้วย WiFi ,Bluetooth ,NFC


     คาดว่าจะเริ่มจำหน่ายช่วงเดือนหน้า โดยราคาน่าสนใจตรงที่ตัว 8GB ราคา 6,000 บาท และ 16GB 7,500 บาท ส่วนในบ้านเราคงต้องรอดูว่าจะมีรายไหนนำเข้ามาจำหน่าย และราคาบวกภาษีบ้านเราจะกลายเป็นเท่าไร




NEXUS 7





วันอังคารที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2555

Quad-Core ตัวเด็ดจาก LG

     หลังจากที่ถูกเพื่อนร่วมชาติทำตลาด Quad-Core ออกไปก่อนหน้า แถมยังเป็นกระแสทั่วโลก LG ขอไม่รอช้าที่จะส่งกระแส Quad-Core มาสู้กับเค้าบ้าง







     LG Optimus 4X HD คือ Quad-Core ที่ขอลงมาสู้ตลาด 4 แกนกับเค้าบ้าง โดยสเปคนั้นไม่น่าจะต่างกันสักเท่าไร โดย LG Optimus 4X HD มากับหน้าจอ HD IPS หน้าจอสุดเด็ดจาก LG ที่ว่าให้ความสว่างคมชัด ขาวเป็นขาว อย่างที่เคยฝากไว้กับ LG Optimus Black มาแล้ว และขนาดจอที่ขอสู้กับคู่แข่งด้วยขนาด 4.7" (1280 x 720 HD) CPU NVDIA Tegra3 1.5GHz และแน่นอนว่าเป็น Quad-core  RAM 1 GHz เหลือใช้งาน 400 MB  ROM 16 GB เพิ่ม microSD 32 GB เชื่อมต่อกับ Bluetooth 4.0 ,WiFi ,WiFihotspot ,DLNA ,NFC และยังเชื่อมต่อ HML Adaptor ฉายออก HDMI ได้อีกด้วย  กล้แงหน้าความละเอียดที่ 1.3ล้านพิกเซล และกล้องหลัง 8 ล้านพิกเซล  แบตเตอรี่จัดเต็ม 2,140 mAh ที่เป็นเทคโนโลยีใหม่ ทำให้ประจุได้มากขึ้นแต่ขนาด และน้ำหนักน้อยลง

     เรียกว่าการทำตลาด Quad-Core ของ LG ตื่นตัว และที่เซอไพร์สสุดๆก็ต้องเรื่องราคาค่าตัวของเจ้า LG Optimus 4X HD ที่เปิดตัวไม่ถึง 19,000 บาท!!! ทำให้ 2 เจ้าที่เปิดตัวไปก่อนหน้านั้นได้มีชะงัก เพราะด้วยสเปคที่ไม่แตกต่างกันเท่าไรหนัก แต่ได้ราคาที่ถูกกว่า 3,000 บาท ก็ทำให้หลายคนได้ลังเลที่จะสอยสมาร์ทโฟนระดับ Quad-Core หากใครสนใจ คงจะแนะนำได้ว่า ให้ไปจับ ไปเล่น กันดูเพราะคนที่จะตอบทุกโจทย์ในใจคุณได้ ก็มีแต่ตัวคุณเองเท่านั้น





วันศุกร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2555

Projector On Mobile

     ขยันออกมาจนนับกันไม่ไหวแล้วสำหรับ Samsung เรียกว่าออกทุกเดือน ราคามีทุกหลักกันเลยทีเดียว เพิ่งจะเปิดตัวสุดยอดสมาร์ทโฟนไปได้สักพักใหญ่กับ Samsung Galaxy S III ที่หลายคนรอคอยกับพลัง Quad Core


     ล่าสุดกับนัวตกรรมใหม่ที่ Samsung ยัดลงในมือถืออย่าง โปรเจคเตอร์! ...ใช่แล้ว อ่านไม่ผิดหรอก โปรเจคเตอร์เครื่องไม่เล็ก ไม่ใหญ่แต่ Samsung ขอใส่ในมือถือตัวเองแล้วกัน
                     
     Samsung Galaxy Beam มาพร้อมหน้าจอขนาด 4 นิ้ว(480x800) น้ำหนักเบาที่ 145.3 กรัม ระบบปฎิบัติการณ์ 2.3.6 (สามารอัพเกรดเป็น 4.0) CPU Dual-Core 1GHz Cortex-A9 หน่วยความจำภายใน 8GB เพิ่มmicroSD สูงสุด 32 GB แบตเตอรี่ 2,000 mAh เชื่อมต่อด้วย microUSB ,3G ,WiFi ,DLNA กล้องหน้าความละเอียด 1.3 ล้านพิกเซล กล้องหลัง 5 ล้านพิกเซลพร้อมแฟรช รองรับการฉายภาพ วิดีโอผ่านโปรเจคเตอร์จากตัวเครื่อง ถือว่าเป็นจุดขายของ Galaxy Beam เลยทีเดียว


     จะดีสักแค่ไหนหากไฟล์งาน รูปสุดโปรด หรือหนังสุดเลิฟของคุณจะถูกแบ่งปันให้เพื่อนๆ หรือคนที่คุณรักได้รับรู้ไปพร้อมๆกัน กับ Samsung Galaxy Beam เครื่องนี้



                                  

วันพฤหัสบดีที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2555

FIND SLIM ,FIND TO FINDER by OPPO

     การพัฒนาสเปกต่างๆของโทรศัพท์มือถือมีมากมายตามเทรนด์ ตามกระแสว่าช่วงนั้นเทรนด์ไหนมา เทรนด์ไหนแรง ตั้งแต่การพัฒนาคุณภาพจอภาพที่ปัจจุบ้นมือถือฝั่งเกาหลีมีจอภาพที่สวย คมชัดเมื่อเทียบกับมือถือจากที่อื่น หรือแม้แต่กล้องที่ติดมากับมือถือใครจะรู้ว่าวันหนึ่งมือถือของเราจะมือถือของเราจะถ่ายรูปได้ และคุณภาพก็ไม่ด้อยไปกว่ากล้องคอมแพ็คทั่วไป ขนาดที่ใหญ่โตของมือถือที่เรียกว่าวนเวียนมาก เพราะหากเราจะสังเกตุมือถือรุ่นดึกดำบรรพ์มีขนาดใหญ่โต และค่อยๆเล็กลงมาเรื่อย แต่ปัจจุบันมือถือกลับเริ่มมีขนาดที่ใหญ่ขึ้น หากแต่ที่พัฒนาไปพร้อมกับความใหญ่นั้นคือ ความบาง

     หลายค่ายก็มีมาให้เรียกกระแสอยู่เรื่อยๆ มาที่ก็จะข่มคู่แข่งทีอย่างล่าสุด มือถือแบรนด์น้องใหม่จากแดนมังกร "OPPO" ที่เริ่มหันมาทำมือถือสมาร์ทโฟนมากขึ้น
และชูจุดขายที่บางที่สุด ณ ตอนนี้ กับความบางเพียง 6.6 มม.  
OPPP Finder สมาร์ทโฟนตัวล่าสุดที่กำลังวางจำหน่ายใน
บ้านเรา ถัดจาก OPPO Find3 และ OPPO Find Guitar 

     OPPO Finder มาพร้อมกับสเปกที่จัดเต็มไม่น้อยหน้าแบรนด์ที่มีมาอยู่ก่อนเลย ด้วยหน้าจอ Super Amoled 4.3" CPU Dual-Core 1.5GHz RAM 1 GHz หน่วยความจำภายใน 16 GB กล้องความละเอียด 8 ล้านพิกเซล พร้อมไฟแฟรช  ถ่ายวีดีโอระดับ FullHD และกล้องหน้าให้มาที่ 1.3 ล้านพิกเซล ถ่ายวีดีโอที่ระดับ HD เรียกว่าถ่ายหน้า หรือหลังก็ชัดเว่อร์! เกิดมาปุ๊ปก็ Ice Cream Sandwich ปั๊ป การเชื่อมต่อครบครันตามสไตล์แอนดรอยด์ และที่ขาดไม่คือจุดขายของเจ้า Finder ก็เรื่องความบาง ที่บางที่สุดในโลกที่ 6.65 มม.  ที่เหลือคงต้องรอดูราคาเปิดตัวแล้วว่าทาง OPPOthai จะวางจำหน่ายที่ราคาเท่าไร เพราะทางจีนเปิดราคาแค่ 12กว่าๆเท่านั้น 

     น้องใหม่ OPPO เริ่มจะทวีความแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องด้วยตัวแรกที่เบิกทางได้ดี และตัวที่สองที่ขายสองซิมในร่างของสมาร์ทโฟน เราต้องมาดูกันอีกครั้งว่า เจ้า Finder ตัวล่าสุดที่ชูความบางไว้นั้น จะได้รับการตอบรับดีหรือไม่ ...ปลายเดือนนี้คงได้รู้กัน!!!


วันอังคารที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2555

Time To Tab2

     iPad ยังคงเป็นแท็ปเล็ตที่ใครหลายคนยอยากจะได้มาครอบครอง ไม่ว่าจะด้วยการใช้งาน หรือแค่มีไว้ข้างตัว แต่หากคนที่ไม่ชอบ iOS หละ ปัญหานี้จะหมดไปหากแต่สาวกแอนดรอยด์ก็มีแท็ปเล็ตจากหลายหลายแบรนด์ชั้นนำที่มำแท็ปเล็ตในระบ Android OS 


     Samsung คือหนึ่งในแบรนด์ที่นอกจากจะหันมา          
ทำสมาร์ทโฟนอย่างเต็มตัวแล้วยังสนใจที่จะลุย
ตลาดของแป็ปเล็ตอีกด้วย ดูได้จากตระกูล Galaxy Tab ที่ออกมาถึง 5-6 ตัว และล่าสุดยังคงรุกตลาดแท็ปเล็ตในระบบปฎิบัิติการณ์แอนดรอยด์


     Samsung Galaxy Tab2 7.0 มาพร้อมจอขนาด 7" PLS TFT (1024x600pixel) รองรับมัลติทัช 10 จุดมาพร้อมแอนดรอยด์ 4.0 ,Touchwiz UX แยกคลื่นความถี่ 850/2100 ,900/2100 เพื่อการใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพ Dual-Core 1 GHz หน่วยความจำภายใน 16GB เพิ่มmicroSD 64GB รองรับการเชื่อมต่อครบเหมือน Galaxy Tab7.0 Plus กล้องความละเอียด 3 ล้านพิกเซล Fix Focus แบตเตอรี่ขนาด 4,000 mAh เปิดตัวราคาถูกแค่ 12,900 บาท


     แท็ปเล็ตที่ค่อยๆราคาถูกลง เริ่มมีมากขึ้นและ Samsung ก็เริ่มเจาะกลุ่มตลาดได้กว้างขึ้นด้วยราคาที่สามารถเข้าได้ทุกวัย และด้วยระบบปฎิบัติการณ์ที่ใช้งานง่ายอย่้างแอนดรอยด์ ก็ยิ่งง่ายต่อการใั้ช้งานในทุกๆด้าน ใครที่กำลังมองแท็ปเล็ตอินเตอร์แบรนด์ Samsung Galaxy Tab2 น่าจะเป็นคำตอบต้นๆของการใช้งานมัลติมีเดีย และบิซซิเนสย่อมๆได้เลย


SAMSUNG GALAXY TAB2